2007/11/25

คอมไพล์เว็บเซอร์วิสให้เป็น proxy DLL

  1. คลิก start>program>Ascessories>Command Prompt
  2. เข้าไปยังไดเร็คทอรีที่เก็บไฟล์ webservice.asmx ทำการคอมไพล์ให้เป็นนามสกุล vb โดยป้อนคำสั่งต่อไปนี้
    wsd /1:vb /0:webservice.vb http://127.0.01/webservice.asmx?wsd1 /n:webservice
    แล้วกด enter
  3. คอมไพล์ webservice.vb ให้เป็น webservice.dll โดยป้อนคำสั่งต่อไปนี้
    vbc /out:webservice.dll /t:library /r:system.web.services.dll.system.xml.dll.system.dll webservice.vb แล้วกด enter เสร็จแล้วนำไฟล์ .dll ที่ได้ไปเก็บในไดเร็กทอรี \Inetpub\wwwroot\bin

เว็บเซอร์วิส (Web Services)

เว็บเซอร์วิส (Web Services) เป็นการ "บริการ" ที่เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงาน ระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ คือภาษาเอ็กซ์เอ็มแอล (XML) ตัวอย่างเช่น การบริการในการเช็คราคาหุ้นของตลาดหุ้นหลาย ๆ ที่และอ่านข่าวจากแหล่งข่าว ๆ หลายที่โดยให้เฉพาะข่าวของบริษัทที่ผู้ขอใช้บริการสนใจ ผู้ให้บริการเว็บเซอร์วิสหนึ่งอาจจะเป็นผู้ขอบริการเว็บเซอร์วิสอื่น ยกตัวอย่างเช่น เว็บเซอร์วิสที่ให้บริการข้อมูลก่อนการซื้อขายหุ้น อาจจะเป็นผู้ขอใช้บริการของเว็บเซอร์วิสที่ให้บริการการให้ข่าว
เว็บเซอร์วิส อาศัยส่วนประกอบหลักๆส่วน ด้วยกัน คือ SOAP,WSDL และUDDI
ความสามารถของเว็บเซอร์วิสที่ทำให้โปรแกรมคุยกับโปรแกรมได้นั้น เป็นจุดแข็งของเว็บเซอร์วิส ที่สามารถจะเชื่อมบริการหลายๆอันเข้าด้วยกัน แนวความคิดนี้ได้ถูกนำมาวางแผนและนำเสนอมาตรฐานที่จะทำให้เว็บเซอร์วิส ติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่น การใช้เอกสารภาษา WSDL (Web Services Description Language) ซึ่งเป็นภาษา XML ประเภทหนึ่ง WSDL (Web Services Description Language) ที่มาอธิบายการเรียกใช้เว็บเซอร์วิสซึ่งเปรียบเสมือนการอ่านคู่มือการใช้งานโปรแกรมนั่นเอง แต่ทว่ามีข้อแตกต่างกันตรงที่ไม่เฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเข้าใจคู่มือนั่น โปรแกรมที่สามารถอ่านเอกสารภาษา XML เข้าใจสามารถที่จะเข้าใจเอกสาร WSDL ได้เช่นกัน ซึ่งจากคุณสมบัตินี้ช่วยทำให้การเรียกใช้เว็บเซอร์วิสเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ
นอกจาก XML จะถูกใช้ในการเป็นภาษาในการอธิบายการเรียกใช้เว็บเซอร์วิสแล้ว XML ยังเป็นภาษาที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการและผู้ขอใช้การบริการเว็บเซอร์วิส รูปแบบของข้อมูล XML ที่ใช้ในการติดต่อนี้เรียกว่าSOAP (Simple Object Access Protocol) เนื่องจากข้อมูลที่ติดต่ออยู่ในรูปแบบ XML ทำให้โปรแกรมต่าง ๆ สามารถติดต่อกันได้ ถึงแม้ว่าอาจจะถูกพัฒนาและเรียกใช้บนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน หรือใช้ภาษาที่แตกต่างกันในการพัฒนา ทั้งนี้เนื่องจาก XML เป็นภาษาอักขระ (text) ซึ่งระบบปฎิบัติการทุกระบบสามารถเข้าใจ นอกจากนี้การที่ XMLมีแท๊ก (tag) และรูปแบบโครงสร้างที่อธิบายข้อมูลด้วยตัวมันเอง ทำให้การเข้าใจและการจัดการข้อมูล SOAP messages นั้นสามารถทำได้โดยโปรแกรมและช่วยทำให้การติดต่อระหว่าง ผู้ให้บริการและผู้ใช้เว็บเซอร์วิสเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ"
UDDI(Universal Discovery Description and Integration)เป็นตัวแทนที่คอยประกาศให้ผู้อื่นได้ทราบถึงเว็บเซอร์วิสของเรา โดยลงทะเบียนกับผู้ให้บริการ ไม่เช่นนั้นก็จะรู้จักกันในวงแคบเท่านั้น

ขั้นตอนการสร้างเว็บเซอร์วิส

  1. ประกาศว่าไฟล์ที่จะสร้างนี้เป็นเว็บเซอร์วิส

    <%@ Webservice Language = "VB" Class = "sample"%>
  2. เรียกใช้เนมสเปซที่จำเป็นในการสร้างเว็บเซอร์วิส

    Imports System.Web.Services
  3. สร้างคลาสที่จะทำเป็นเว็บเซอร์วิส ตัวอย่างเช่น

    Public Class sample
    Inherits System.Web.Services.Webservice
    Public Function Add(A As Double,B As Double) As Double
    Return(A+B)
    End Function
    End Class
  4. สร้างเมธอดในเว็บเซอร์วิส คือส่วนที่เป็น function หรือ procedure

    Public Function Add(A As Double,B As Double) As Double
    Return(A+B)
    End Function

StreamWriter

StreamWriter is designed for character output in a particular Encoding, whereas classes derived from Stream are designed for byte input and output.

Create a text file.
: Write Text to a File
Write to a text file.
: Write Text to a File
Read from a text file.
: Read Text from a File

File.AppendText : Append text to a file.
FileInfo.AppendText Open and Append to a Log File
FileInfo.Length Get the size of a file.
File.GetAttributes Get the attributes of a file.
File.SetAttributes Set the attributes of a file.
File.Exists Determine if a file exists.
Read from a binary file. : Read to a Newly Created Data File
Write to a binary file. : Write to a Newly Created Data File

การเขียนโปรแกรม ASP.net เพื่อติดต่อกับฐานข้อมูล XML

  1. เรียกใช้เนมสเปซที่จำเป็น
    '<%@Import Namespace="System.Data"%>

    '<%@Import Namespace="System.IO"%>
    <%@Import Namespace="System.IO"%> '

    <%@Import Namespace="System.IO"%>
  2. ใช้ออบเจ๊ค StreamReaderในการเปิดไฟล์

    Dim ObjStreamReaderAs StreamReader = File.OpenText(Server.MapPath("filepath"))
  3. ใช้คำสั่ง ReadXml ในการอ่านข้อมูลจากไฟล์

    Dim ObjDataSet As New DataSet
    ObjDataSet.ReadXml(ObjStreamReader)
  4. นำข้อมูลที่ได้มาใช้งาน โดยใช้ datagrid,datalist,repeater
  5. ปิดไฟล์
    ObjStreamReader.close

2007/11/20

การเก็บค่าแบบ ASP.NET

การเก็บค่าแบบ ASP.NET มีหลายแบบแต่ที่เห็นได้ชัดมีอยู่ 5 แบบ แยกเป็น 2 กลุ่ม

ค่าของตัวแปรเก็บไว้ที่ Server

  1. Application State - ตัวแปรที่ Client ทุกคนสามารถมองเห็นเป็นตัวเดียวกัน ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก็จะมีผลกับ Client ทุกๆคน โดย Application สามารถเก็บค่าได้เป็นแบบ Object นั่นหมายถึงว่าไม่จำกัดว่าจะต้องเป็น Integer, String, Collection ฯลฯ
    วิธีใช้
    Application("data") = 100
    Response.Write(Application("data").ToString)
  2. Session State - การเก็บค่าจะเก็บเป็น Object เหมือนกับ Application State แต่จะต่างกันตรงที่ตัวแปรชื่อเดียวกัน แต่ Client แต่ละคนจะเก็บค่าเป็นของตัวเอง ถ้า Client คนนึงเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปรก็จะมีผลกับ Client คนนั้น เท่านั้น
    วิธีใช้ (เช่นเดียวกับ Application State)
    Session("data") = "Test"
    Response.Write(Session("data").ToString)
  3. Web.Config - คือการประกาศค่าคงที่ของตัวแปรเอาไว้เลย
    ค่าของตัวแปรเก็บไว้ที่ Client แต่ละคน

1. Cookies - จะสร้างเป็น File เก็บไว้ใน Temporary Internet Files เนื่องจากค่าจะเก็บไว้ Client แต่ละคน ฉะนั้น Client แต่ละคนก็จะเห็นค่าเป็นของตัวเอง
วิธีใช้
Request.Cookies.Add("data") = 1000
Response.Write(Request.Cookies("data").ToString)


2. ViewState - จะต่างกันตรงที่ Cookies จะสร้างเป็น File เก็บไว้ใน Temporary Internet Files แต่ ViewState จะเก็บไว้ที่ หน้า Internet Explorer นั้นๆ ถ้าเราปิด Internet Explorer จะทำให้ค่าหายไปด้วย
แต่สำหรับ Cookies ถึงแม้เราจะปิด Internet Explorer ไปถ้า Cookie ยังไม่ครบ Timeout เวลาเราเปิด Internet Explorer อีกครั้งมันจะก็ยังสามารถใช้ตัวแปรตัวนี้ได้อยู่
วิธีใช้ ViewState
ViewState("data") = "Your Name"
Response.Write(ViewState("data").ToString)


เก็บค่าไว้ที่ Server ข้อดีคือ
- การประมวลผลเร็วเพราะค่าถูกเก็บไว้ที่ Server เลย
- สามารถแชร์ตัวแปรได้ (ใช้ Application State) โดยทุก Client สามารถใช้ตัวแปรตัวนี้เป็นตัวเดียวกันได้เลย
ข้อเสีย
- ถ้าเก็บค่าไว้ที่ Server เยอะ ก็จะทำให้ Server ต้องทำงานหนักและเปลืองเนื้อที่ด้วย

เก็บค่าไว้ที่ Client ข้อดีคือ
- ไม่เปลืองเนื้อที่ของ Server
- สามารถแยกการใช้งานของตัวแปร ของแต่ละ Client ได้อย่างชัดเจน
ข้อเสียคือ
- จะช้ากว่าแบบ Server นิดหน่อย เพราะต้องส่งค่าที่เก็บอยู่ที่ Client ไปให้ Server ทำการประมวลผล
- ถ้ามีข้อมูลใหญ่ๆ หรือเยอะๆ จะทำให้ เวปโหลดช้า และทำงานหนัก + เปลือง Traffic ด้วย



onclick ทำงานฝั่ง client
onserverclick ทำงานฝั่ง server

Include รวมไฟล์นอก project เข้ามาใน project
Exclude แยกไฟล์ไว้นอก project (พักไว้ก่อน)

ViewState มีหน้าที่ที่จะเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้ได้เคยกรอกไว้แล้ว


2007/11/19

ข้อแตกต่างระหว่าง Application.Exit(); กับ This.Dispose();

Application.Exit(); ปิดการใช้งาน หน้าต่าง และ application แล้วออกจาก loop

This.Dispose(); ออกจาก loop โดยปล่อย resource ไว้แบบเดิม

collection framework

Collection หรือ collection framework คือรูปแบบในการก็บข้อมูลที่เราต้องการลงใน object โดยอยู่ที่เราว่าจะเลือกใช้ object ตัวไหนตามความเหมาะสม เพราะการใช้งานจะแตกต่างกันไป ครับ ซึ่งจะมีรูปแบบ object ให้ใช้งานโดยยกมาบางส่วนได้แก่

  1. ArrayList ' เก็บข้อมูลที่เป็น object
  2. SortedList 'เหมือนกับ ArrayList แต่ต้องประกาศ class ขึ้นมาก่อน จะเป็น dictionary ที่สามารถเรียงลำดับเองได้โดยเราสามารถ กำหนดลำดับการเรียงด้วย object ที่ได้ derived จาก IEqualityComparer เช่น SortedList sort = new SortedList(new DescendingComparer()); เป็นต้น
  3. Queue 'เรียกใช้ object ที่เข้าก่อนเรียกใช้ก่อน สามารถทำงานด้วย Enqueue() และ Dequeue() สามารถตรวจสอบว่า empty หรือไม่ด้วย bool Peek()
  4. Stack 'เรียกใช้ object ที่หลังเรียกใช้ก่อน สามารถทำงานด้วย Pop() และ Push() โดยสามารถนับจำนวนใน stack ด้วย Count และเช็คว่า empty หรือไม่ด้วย Peek()
  5. Hashtable ''เหมือนกับ ArrayList แต่จะมี keyและ value ในการอ้างถึงสมาชิก
  6. BitArray 'จะทำการเก็บข้อมูลแบบ bit เพื่อสามารถนำไปคำนวณตาม logic operation (AND,OR,XOR) โดยข้อเสียของ BitArray คือ หากจะเก็บต้องเก็บเพิ่มขึ้นทีละ 1 byte (32 bits) หากใช้ 33 bits จะต้องเก็บ 2 bytes (64 bits) ถึงแม้ bit ที่เหลือ จะไม่ได้ใช้งานก็ตาม

IEnumerator คืออะไร

IEnumerator คือ Object ตัวหนึ่งใน .NET มีหน้าที่ทำการเรียกและเก็บ Array ในเกือบทุกๆ format มาอยู่ในตัวมัน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเรียกใช้ทำงาน

2007/11/16

เทพธิดา " ความรัก "

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีพ่อแม่ ลูกและปู่ย่าอยู่ร่วมกัน ๓ ชั่วรุ่นเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเขามีแขกพิเศษเป็นเทพธิดา ๓ ตนมาเยี่ยมเยียน เทพธิดาทั้ง ๓ มีนามว่า ความรัก ความมั่งคั่งและความสำเร็จ เงื่อนไขของพวกเขาคือ หากเจ้าของบ้านยินดีต้อนรับ เจ้าของบ้านจะต้องเลือกเทพธิดาตนใดตนหนึ่งเป็นแขกของบ้านได้ตนเดียว เพราะพวกเขาจะไม่เข้าไปในบ้านพร้อมกัน เงื่อนไขนี้ทำให้ทุกคนในบ้านต้องประชุมหารือถกเถียงกันอย่างหนัก เพื่อเชิญเทพธิดาที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับชีวิตของพวกเขา ถ้าผู้อ่านเป็นเจ้าของบ้านจะตัดสินใจเลือกเทพธิดาตนใด เทพนิยายนี้จบลงด้วยความสุข ด้วยการที่เจ้าของบ้านเลือกเทพธิดา "ความรัก" ซึ่งก็ปรากฏว่า เมื่อเทพธิดาความรักเดินเข้าไปในบ้าน เทพธิดาทั้ง ๒ คือ ความมั่งคั่งและความสำเร็จก็เดินตามไปด้วยด้วยเหตุผลว่า "ที่ใดมีความรัก ที่นั้นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จตามมา"

2007/11/15

ที่มาของคำว่า " สาธุ "

การที่ชาวพุทธฟังธรรมจากพระภิกษุ แล้วกล่าวสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ หรือการถวายทาน หรือเมื่อพระให้ศีล ญาติโยมสาธุชนจะใช้คำว่า "สาธุ" นั้นมีประวัติความเป็นมาดังมีเรื่องย่อว่า

มีชายคนหนึ่ง อยู่ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้ฟังพระแสดงธรรมเทศนาแล้วเห็นโทษในการครองเรือนมีความปรารถนาจะขอบวชเพื่อแสวงหาความสงบในสมณธรรม จึงลาจากภรรยาไปบวช ได้ตั้งใจพากเพียรในสมณธรรมตามที่ปรารถนาไว้ตลอดมา

ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงพบหญิงผู้เป็นภรรยาของชายคนนั้น และเมื่อทรงได้ทราบเหตุความเป็นมาทั้งหมดจึงเกิดสมเพชในนางผู้เป็นภรรยา รับสั่งให้นำหญิงนั้นมาเลี้ยงไว้ในพระราชวัง ตั้งเป็นท้าวนางกำนัล อยู่มาวันหนึ่ง ราชบุรุษนำดอกนิลุบลบัวเขียวมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศลกำมือหนึ่ง พระองค์จึงประทานแก่ท้าวนางคนละดอก ฝ่ายสตรีที่เป็นภรรยาของชายที่ไปบวชนั้น เมื่อไปรับพระราชทานก็ยิ้มแสดงความยินดีดุจนางอื่น ๆ แต่พอดมกล่นนิลุบลแล้ว นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงร้องไห้ พระเจ้าปเสนทิโกศลสงสัยพระทัย จึงตรัสถามว่า เหตุใดนางจึงยิ้มแล้วร้องไห้

นางจึงกราบทูลว่า ที่นางยิ้มเพราะดีใจที่ทรงพระกรุณาประทานดอกบัวให้ แต่พอดมดอกบัวแล้วหอมเหมือนกลิ่นปากสามีที่ไปบวช นางคิดถึงความหลังจึงร้องไห้พระเจ้าปเสนทิโกศลต้องการพิสูจน์วาจาของนาง จึงโปรดให้ประดับวังด้วยของหอมทั้งปวงเว้นแต่บัวนิลุบล แล้วอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์ให้มาฉันภัตตาหารในพระราชฐาน แล้วมีพระราชดำรัสถามหญิงนั้นว่า พระมหาเถระองค์ไหนที่นางอ้างว่าเป็นสามี หญิงนั้นก็ชี้ไปที่พระมหาเถระ เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลอารธนาให้พระพุทธเจ้า และภิกษุองค์อื่น ๆ กลับวัดไปก่อน เว้นพระมหาเถระขอให้อยู่เพื่อกล่าวอนุโมทนา เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับไปแล้ว พระมหาเถระจึงกล่าวอนุโมทนาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะและมีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากปากพระเถระรูปนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเสียซึ่งกลิ่นดอกไม้ของหอมทั้งปวง กลิ่นปากของพระมหาเถระหอมฟุ้งไปทั่วพระราชวัง ดังกลิ่นการบูรและพิมเสนผสมกฤษณา หอมยิ่งกว่าดอกบัวนิลุบล ปรากฏการณ์นี้ปรากฏแก่ชนทั้งหลายในพระราชวัง ส่วนองค์มหากษัตริย์เมื่อเห็นจริงดังหญิงนั้นกราบทูล ก็ทรงโสมนัสน้อมนมัสการ ฝ่ายพระมหาเถระเสร็จสิ้นการอนุโมทนาแล้ว ก็กลับไปสู่วิหาร

ครั้นพอรุ่งเช้าพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเสด็จไปสู่พระวิหาร ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามว่า "เหตุใดปากของพระมหาเถระจึงหอมนักหนาท่านได้สร้างกุศลใดมา"สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า "เพราะบุพพชาติปางก่อน ภิกษุรูปนี้ได้ฟังพระสัทธรรมไพเราะจับใจ เต็มตื้นด้วยปีติยินดี จึงออกวาจาว่า "สาธุ" เท่านั้น อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมให้ผลจึงได้มีกลิ่นปากหอมดังนี้"

ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ฟังธรรม และผู้รับศีลออกจะละเลยคำว่า "สาธุ" ต่างพากันนั่งเฉย ๆ ทั่วไป หน้าที่ผู้เป็นชาวพุทธ และครูบาอาจารย์จะได้แนะนำความเป็นมาเรื่อง "สาธุ" ไปเล่าสู่ลูกศิษย์และบุตรหลานของตนเพื่อนำวัฒนธรรมอังดีงามดั้งเดิมของเรากลับคืนมา

คำว่า "สาธุ" ในภาษาไทยก็แปลว่า ดีแล้ว เห็นชอบแล้ว เท่ากับเป็นการทำบุญข้อหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ มีอยู่ข้อหนึ่งในจำนวน ๑๐ ข้อคือ ปัตตานุโมทนามัย แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ดังนี้

วันหนึ่ง ๆ ได้คิดดี ได้พูดดี ได้ทำดี "สาธุ" ให้ตัวเองและให้คนอื่นได้สาธุในการคิด การพูด การกระทำ ของเราเท่ากับได้ทำชีวิตนี้ให้มีกำไรมหาศาล จะได้ชื่อว่า ได้อยู่ในโลกใบนี้มีแต่ความหอม

2007/11/11

คาถาชินบัญชร

ในการสวด คาถาชินบัญชร เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งๆ ขึ้น ก่อนจะเจริญภาวนาจึงขอให้ตั้งนะโม 3 จบ และน้อมจิตระลึกถึงคุณพระคุณสมเด็จโต ด้วยคำบูชาดังนี้
ปุตตะกาโมละเภปุตตัง อัตถิกาเยกายะ ญายะ อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต ธะนะกาโมละเภธะนังเทวานังปิยะตังสุตตะวาท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะ


ชะยา สะนา กะตา พุทธาจะตุ สัจจา สะภัง ระสัง
เชตะวา มารัง สะวา หะนังเย ปิวิงสุ นะรา สะภา


ตัณหังกะราทะโย พุทธาสัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
อัฏฐะวีสะติ นา ยะกามัตถะเก เต มุนิส สะรา


สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง
พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเนอุเร สัพพะคุณา กะโร


หะทะเย เม อะนุรุทโธโกณฑัญโญ ปิฏฐิภา คัสสะมิง
สารีปุตโต จะ ทักขิเณโมคคัลลาโน จะวา มะเก


ทักขิเณ สะวะเน มัยหังกัสสะโป จะมะหา นาโม
อาสุง อานันทะราหุโลอุภาสุง วามะโส ตะเก


เกสะโต ปิฏฐิภา คัสสะมิงนิสินโน สิริสัม ปันโน
สุริโย วะ ปะภัง กะโรโสภีโต มุนิปุง คะโว


กุมาระกัสสะโป เถโรโส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
มะเหสี จิตตะวา ทะโกปะติฏฐาสิ คุณา กะโร


ปุณโณ อังคุลิมาโร จะเถรา ปัญจะอิเม ชาตา
อุปาลี นันทะสี วะลี นะลาเต ติละกา มะมะ


เสสา สีติ มะหาเถราเอเตสีติ มะหาเถราชะลันตา สีละเต เชนะ
วิชิตา ชินะสา วะกาชิตะวันโต ชิโน ระสาอังคะมังเค สุสัณ ฐิตา


ระตะนัง ปุระโต อาสิธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
ทักขิเณ เมตตะสุต ตะกังวาเม อังคุลิมา ละกัง


ขันธะโม ระปะริตัญ จะอากาเส ฉะทะนัง อาสิ
อาฏานาฏิยะสุต ตะกังเสสา ปาการะ สัณฐิตา


ชินานา วะระสังยุตตาวาตะปิตตาทิสัญ ชาตา
สัตตัปปาการะลัง กะตาพาหิรัช ฌัตตุปัท ทะวา


อะเสสา วินะยัง ยันตุวะสะโต เม สะกิจเจ นะ
อะนันตะ ชินะเต ชะสาสะทา สัมพุทธะปัญชะเร


ชินะ ปัญชะระ มัชฌัมหิสะทา ปาเลนตุมัง สัพเพ
วิหะรันตัง มะหิี ตะเลเต มะหาปุริสา สะภา


อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโขธัมมานุภาเวนะ ชิตา ริสังโฆสัทธัมมานุภาวะ ปาลิโต
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะ ราโยจะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ ฯ