2007/11/25

คอมไพล์เว็บเซอร์วิสให้เป็น proxy DLL

  1. คลิก start>program>Ascessories>Command Prompt
  2. เข้าไปยังไดเร็คทอรีที่เก็บไฟล์ webservice.asmx ทำการคอมไพล์ให้เป็นนามสกุล vb โดยป้อนคำสั่งต่อไปนี้
    wsd /1:vb /0:webservice.vb http://127.0.01/webservice.asmx?wsd1 /n:webservice
    แล้วกด enter
  3. คอมไพล์ webservice.vb ให้เป็น webservice.dll โดยป้อนคำสั่งต่อไปนี้
    vbc /out:webservice.dll /t:library /r:system.web.services.dll.system.xml.dll.system.dll webservice.vb แล้วกด enter เสร็จแล้วนำไฟล์ .dll ที่ได้ไปเก็บในไดเร็กทอรี \Inetpub\wwwroot\bin

เว็บเซอร์วิส (Web Services)

เว็บเซอร์วิส (Web Services) เป็นการ "บริการ" ที่เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงาน ระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ คือภาษาเอ็กซ์เอ็มแอล (XML) ตัวอย่างเช่น การบริการในการเช็คราคาหุ้นของตลาดหุ้นหลาย ๆ ที่และอ่านข่าวจากแหล่งข่าว ๆ หลายที่โดยให้เฉพาะข่าวของบริษัทที่ผู้ขอใช้บริการสนใจ ผู้ให้บริการเว็บเซอร์วิสหนึ่งอาจจะเป็นผู้ขอบริการเว็บเซอร์วิสอื่น ยกตัวอย่างเช่น เว็บเซอร์วิสที่ให้บริการข้อมูลก่อนการซื้อขายหุ้น อาจจะเป็นผู้ขอใช้บริการของเว็บเซอร์วิสที่ให้บริการการให้ข่าว
เว็บเซอร์วิส อาศัยส่วนประกอบหลักๆส่วน ด้วยกัน คือ SOAP,WSDL และUDDI
ความสามารถของเว็บเซอร์วิสที่ทำให้โปรแกรมคุยกับโปรแกรมได้นั้น เป็นจุดแข็งของเว็บเซอร์วิส ที่สามารถจะเชื่อมบริการหลายๆอันเข้าด้วยกัน แนวความคิดนี้ได้ถูกนำมาวางแผนและนำเสนอมาตรฐานที่จะทำให้เว็บเซอร์วิส ติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่น การใช้เอกสารภาษา WSDL (Web Services Description Language) ซึ่งเป็นภาษา XML ประเภทหนึ่ง WSDL (Web Services Description Language) ที่มาอธิบายการเรียกใช้เว็บเซอร์วิสซึ่งเปรียบเสมือนการอ่านคู่มือการใช้งานโปรแกรมนั่นเอง แต่ทว่ามีข้อแตกต่างกันตรงที่ไม่เฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเข้าใจคู่มือนั่น โปรแกรมที่สามารถอ่านเอกสารภาษา XML เข้าใจสามารถที่จะเข้าใจเอกสาร WSDL ได้เช่นกัน ซึ่งจากคุณสมบัตินี้ช่วยทำให้การเรียกใช้เว็บเซอร์วิสเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ
นอกจาก XML จะถูกใช้ในการเป็นภาษาในการอธิบายการเรียกใช้เว็บเซอร์วิสแล้ว XML ยังเป็นภาษาที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการและผู้ขอใช้การบริการเว็บเซอร์วิส รูปแบบของข้อมูล XML ที่ใช้ในการติดต่อนี้เรียกว่าSOAP (Simple Object Access Protocol) เนื่องจากข้อมูลที่ติดต่ออยู่ในรูปแบบ XML ทำให้โปรแกรมต่าง ๆ สามารถติดต่อกันได้ ถึงแม้ว่าอาจจะถูกพัฒนาและเรียกใช้บนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน หรือใช้ภาษาที่แตกต่างกันในการพัฒนา ทั้งนี้เนื่องจาก XML เป็นภาษาอักขระ (text) ซึ่งระบบปฎิบัติการทุกระบบสามารถเข้าใจ นอกจากนี้การที่ XMLมีแท๊ก (tag) และรูปแบบโครงสร้างที่อธิบายข้อมูลด้วยตัวมันเอง ทำให้การเข้าใจและการจัดการข้อมูล SOAP messages นั้นสามารถทำได้โดยโปรแกรมและช่วยทำให้การติดต่อระหว่าง ผู้ให้บริการและผู้ใช้เว็บเซอร์วิสเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ"
UDDI(Universal Discovery Description and Integration)เป็นตัวแทนที่คอยประกาศให้ผู้อื่นได้ทราบถึงเว็บเซอร์วิสของเรา โดยลงทะเบียนกับผู้ให้บริการ ไม่เช่นนั้นก็จะรู้จักกันในวงแคบเท่านั้น

ขั้นตอนการสร้างเว็บเซอร์วิส

  1. ประกาศว่าไฟล์ที่จะสร้างนี้เป็นเว็บเซอร์วิส

    <%@ Webservice Language = "VB" Class = "sample"%>
  2. เรียกใช้เนมสเปซที่จำเป็นในการสร้างเว็บเซอร์วิส

    Imports System.Web.Services
  3. สร้างคลาสที่จะทำเป็นเว็บเซอร์วิส ตัวอย่างเช่น

    Public Class sample
    Inherits System.Web.Services.Webservice
    Public Function Add(A As Double,B As Double) As Double
    Return(A+B)
    End Function
    End Class
  4. สร้างเมธอดในเว็บเซอร์วิส คือส่วนที่เป็น function หรือ procedure

    Public Function Add(A As Double,B As Double) As Double
    Return(A+B)
    End Function

StreamWriter

StreamWriter is designed for character output in a particular Encoding, whereas classes derived from Stream are designed for byte input and output.

Create a text file.
: Write Text to a File
Write to a text file.
: Write Text to a File
Read from a text file.
: Read Text from a File

File.AppendText : Append text to a file.
FileInfo.AppendText Open and Append to a Log File
FileInfo.Length Get the size of a file.
File.GetAttributes Get the attributes of a file.
File.SetAttributes Set the attributes of a file.
File.Exists Determine if a file exists.
Read from a binary file. : Read to a Newly Created Data File
Write to a binary file. : Write to a Newly Created Data File

การเขียนโปรแกรม ASP.net เพื่อติดต่อกับฐานข้อมูล XML

  1. เรียกใช้เนมสเปซที่จำเป็น
    '<%@Import Namespace="System.Data"%>

    '<%@Import Namespace="System.IO"%>
    <%@Import Namespace="System.IO"%> '

    <%@Import Namespace="System.IO"%>
  2. ใช้ออบเจ๊ค StreamReaderในการเปิดไฟล์

    Dim ObjStreamReaderAs StreamReader = File.OpenText(Server.MapPath("filepath"))
  3. ใช้คำสั่ง ReadXml ในการอ่านข้อมูลจากไฟล์

    Dim ObjDataSet As New DataSet
    ObjDataSet.ReadXml(ObjStreamReader)
  4. นำข้อมูลที่ได้มาใช้งาน โดยใช้ datagrid,datalist,repeater
  5. ปิดไฟล์
    ObjStreamReader.close

2007/11/20

การเก็บค่าแบบ ASP.NET

การเก็บค่าแบบ ASP.NET มีหลายแบบแต่ที่เห็นได้ชัดมีอยู่ 5 แบบ แยกเป็น 2 กลุ่ม

ค่าของตัวแปรเก็บไว้ที่ Server

  1. Application State - ตัวแปรที่ Client ทุกคนสามารถมองเห็นเป็นตัวเดียวกัน ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก็จะมีผลกับ Client ทุกๆคน โดย Application สามารถเก็บค่าได้เป็นแบบ Object นั่นหมายถึงว่าไม่จำกัดว่าจะต้องเป็น Integer, String, Collection ฯลฯ
    วิธีใช้
    Application("data") = 100
    Response.Write(Application("data").ToString)
  2. Session State - การเก็บค่าจะเก็บเป็น Object เหมือนกับ Application State แต่จะต่างกันตรงที่ตัวแปรชื่อเดียวกัน แต่ Client แต่ละคนจะเก็บค่าเป็นของตัวเอง ถ้า Client คนนึงเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปรก็จะมีผลกับ Client คนนั้น เท่านั้น
    วิธีใช้ (เช่นเดียวกับ Application State)
    Session("data") = "Test"
    Response.Write(Session("data").ToString)
  3. Web.Config - คือการประกาศค่าคงที่ของตัวแปรเอาไว้เลย
    ค่าของตัวแปรเก็บไว้ที่ Client แต่ละคน

1. Cookies - จะสร้างเป็น File เก็บไว้ใน Temporary Internet Files เนื่องจากค่าจะเก็บไว้ Client แต่ละคน ฉะนั้น Client แต่ละคนก็จะเห็นค่าเป็นของตัวเอง
วิธีใช้
Request.Cookies.Add("data") = 1000
Response.Write(Request.Cookies("data").ToString)


2. ViewState - จะต่างกันตรงที่ Cookies จะสร้างเป็น File เก็บไว้ใน Temporary Internet Files แต่ ViewState จะเก็บไว้ที่ หน้า Internet Explorer นั้นๆ ถ้าเราปิด Internet Explorer จะทำให้ค่าหายไปด้วย
แต่สำหรับ Cookies ถึงแม้เราจะปิด Internet Explorer ไปถ้า Cookie ยังไม่ครบ Timeout เวลาเราเปิด Internet Explorer อีกครั้งมันจะก็ยังสามารถใช้ตัวแปรตัวนี้ได้อยู่
วิธีใช้ ViewState
ViewState("data") = "Your Name"
Response.Write(ViewState("data").ToString)


เก็บค่าไว้ที่ Server ข้อดีคือ
- การประมวลผลเร็วเพราะค่าถูกเก็บไว้ที่ Server เลย
- สามารถแชร์ตัวแปรได้ (ใช้ Application State) โดยทุก Client สามารถใช้ตัวแปรตัวนี้เป็นตัวเดียวกันได้เลย
ข้อเสีย
- ถ้าเก็บค่าไว้ที่ Server เยอะ ก็จะทำให้ Server ต้องทำงานหนักและเปลืองเนื้อที่ด้วย

เก็บค่าไว้ที่ Client ข้อดีคือ
- ไม่เปลืองเนื้อที่ของ Server
- สามารถแยกการใช้งานของตัวแปร ของแต่ละ Client ได้อย่างชัดเจน
ข้อเสียคือ
- จะช้ากว่าแบบ Server นิดหน่อย เพราะต้องส่งค่าที่เก็บอยู่ที่ Client ไปให้ Server ทำการประมวลผล
- ถ้ามีข้อมูลใหญ่ๆ หรือเยอะๆ จะทำให้ เวปโหลดช้า และทำงานหนัก + เปลือง Traffic ด้วย



onclick ทำงานฝั่ง client
onserverclick ทำงานฝั่ง server

Include รวมไฟล์นอก project เข้ามาใน project
Exclude แยกไฟล์ไว้นอก project (พักไว้ก่อน)

ViewState มีหน้าที่ที่จะเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้ได้เคยกรอกไว้แล้ว


2007/11/19

ข้อแตกต่างระหว่าง Application.Exit(); กับ This.Dispose();

Application.Exit(); ปิดการใช้งาน หน้าต่าง และ application แล้วออกจาก loop

This.Dispose(); ออกจาก loop โดยปล่อย resource ไว้แบบเดิม

collection framework

Collection หรือ collection framework คือรูปแบบในการก็บข้อมูลที่เราต้องการลงใน object โดยอยู่ที่เราว่าจะเลือกใช้ object ตัวไหนตามความเหมาะสม เพราะการใช้งานจะแตกต่างกันไป ครับ ซึ่งจะมีรูปแบบ object ให้ใช้งานโดยยกมาบางส่วนได้แก่

  1. ArrayList ' เก็บข้อมูลที่เป็น object
  2. SortedList 'เหมือนกับ ArrayList แต่ต้องประกาศ class ขึ้นมาก่อน จะเป็น dictionary ที่สามารถเรียงลำดับเองได้โดยเราสามารถ กำหนดลำดับการเรียงด้วย object ที่ได้ derived จาก IEqualityComparer เช่น SortedList sort = new SortedList(new DescendingComparer()); เป็นต้น
  3. Queue 'เรียกใช้ object ที่เข้าก่อนเรียกใช้ก่อน สามารถทำงานด้วย Enqueue() และ Dequeue() สามารถตรวจสอบว่า empty หรือไม่ด้วย bool Peek()
  4. Stack 'เรียกใช้ object ที่หลังเรียกใช้ก่อน สามารถทำงานด้วย Pop() และ Push() โดยสามารถนับจำนวนใน stack ด้วย Count และเช็คว่า empty หรือไม่ด้วย Peek()
  5. Hashtable ''เหมือนกับ ArrayList แต่จะมี keyและ value ในการอ้างถึงสมาชิก
  6. BitArray 'จะทำการเก็บข้อมูลแบบ bit เพื่อสามารถนำไปคำนวณตาม logic operation (AND,OR,XOR) โดยข้อเสียของ BitArray คือ หากจะเก็บต้องเก็บเพิ่มขึ้นทีละ 1 byte (32 bits) หากใช้ 33 bits จะต้องเก็บ 2 bytes (64 bits) ถึงแม้ bit ที่เหลือ จะไม่ได้ใช้งานก็ตาม

IEnumerator คืออะไร

IEnumerator คือ Object ตัวหนึ่งใน .NET มีหน้าที่ทำการเรียกและเก็บ Array ในเกือบทุกๆ format มาอยู่ในตัวมัน เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเรียกใช้ทำงาน

2007/11/16

เทพธิดา " ความรัก "

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีพ่อแม่ ลูกและปู่ย่าอยู่ร่วมกัน ๓ ชั่วรุ่นเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเขามีแขกพิเศษเป็นเทพธิดา ๓ ตนมาเยี่ยมเยียน เทพธิดาทั้ง ๓ มีนามว่า ความรัก ความมั่งคั่งและความสำเร็จ เงื่อนไขของพวกเขาคือ หากเจ้าของบ้านยินดีต้อนรับ เจ้าของบ้านจะต้องเลือกเทพธิดาตนใดตนหนึ่งเป็นแขกของบ้านได้ตนเดียว เพราะพวกเขาจะไม่เข้าไปในบ้านพร้อมกัน เงื่อนไขนี้ทำให้ทุกคนในบ้านต้องประชุมหารือถกเถียงกันอย่างหนัก เพื่อเชิญเทพธิดาที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับชีวิตของพวกเขา ถ้าผู้อ่านเป็นเจ้าของบ้านจะตัดสินใจเลือกเทพธิดาตนใด เทพนิยายนี้จบลงด้วยความสุข ด้วยการที่เจ้าของบ้านเลือกเทพธิดา "ความรัก" ซึ่งก็ปรากฏว่า เมื่อเทพธิดาความรักเดินเข้าไปในบ้าน เทพธิดาทั้ง ๒ คือ ความมั่งคั่งและความสำเร็จก็เดินตามไปด้วยด้วยเหตุผลว่า "ที่ใดมีความรัก ที่นั้นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จตามมา"

2007/11/15

ที่มาของคำว่า " สาธุ "

การที่ชาวพุทธฟังธรรมจากพระภิกษุ แล้วกล่าวสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ หรือการถวายทาน หรือเมื่อพระให้ศีล ญาติโยมสาธุชนจะใช้คำว่า "สาธุ" นั้นมีประวัติความเป็นมาดังมีเรื่องย่อว่า

มีชายคนหนึ่ง อยู่ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้ฟังพระแสดงธรรมเทศนาแล้วเห็นโทษในการครองเรือนมีความปรารถนาจะขอบวชเพื่อแสวงหาความสงบในสมณธรรม จึงลาจากภรรยาไปบวช ได้ตั้งใจพากเพียรในสมณธรรมตามที่ปรารถนาไว้ตลอดมา

ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงพบหญิงผู้เป็นภรรยาของชายคนนั้น และเมื่อทรงได้ทราบเหตุความเป็นมาทั้งหมดจึงเกิดสมเพชในนางผู้เป็นภรรยา รับสั่งให้นำหญิงนั้นมาเลี้ยงไว้ในพระราชวัง ตั้งเป็นท้าวนางกำนัล อยู่มาวันหนึ่ง ราชบุรุษนำดอกนิลุบลบัวเขียวมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศลกำมือหนึ่ง พระองค์จึงประทานแก่ท้าวนางคนละดอก ฝ่ายสตรีที่เป็นภรรยาของชายที่ไปบวชนั้น เมื่อไปรับพระราชทานก็ยิ้มแสดงความยินดีดุจนางอื่น ๆ แต่พอดมกล่นนิลุบลแล้ว นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงร้องไห้ พระเจ้าปเสนทิโกศลสงสัยพระทัย จึงตรัสถามว่า เหตุใดนางจึงยิ้มแล้วร้องไห้

นางจึงกราบทูลว่า ที่นางยิ้มเพราะดีใจที่ทรงพระกรุณาประทานดอกบัวให้ แต่พอดมดอกบัวแล้วหอมเหมือนกลิ่นปากสามีที่ไปบวช นางคิดถึงความหลังจึงร้องไห้พระเจ้าปเสนทิโกศลต้องการพิสูจน์วาจาของนาง จึงโปรดให้ประดับวังด้วยของหอมทั้งปวงเว้นแต่บัวนิลุบล แล้วอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์ให้มาฉันภัตตาหารในพระราชฐาน แล้วมีพระราชดำรัสถามหญิงนั้นว่า พระมหาเถระองค์ไหนที่นางอ้างว่าเป็นสามี หญิงนั้นก็ชี้ไปที่พระมหาเถระ เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลอารธนาให้พระพุทธเจ้า และภิกษุองค์อื่น ๆ กลับวัดไปก่อน เว้นพระมหาเถระขอให้อยู่เพื่อกล่าวอนุโมทนา เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับไปแล้ว พระมหาเถระจึงกล่าวอนุโมทนาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะและมีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากปากพระเถระรูปนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเสียซึ่งกลิ่นดอกไม้ของหอมทั้งปวง กลิ่นปากของพระมหาเถระหอมฟุ้งไปทั่วพระราชวัง ดังกลิ่นการบูรและพิมเสนผสมกฤษณา หอมยิ่งกว่าดอกบัวนิลุบล ปรากฏการณ์นี้ปรากฏแก่ชนทั้งหลายในพระราชวัง ส่วนองค์มหากษัตริย์เมื่อเห็นจริงดังหญิงนั้นกราบทูล ก็ทรงโสมนัสน้อมนมัสการ ฝ่ายพระมหาเถระเสร็จสิ้นการอนุโมทนาแล้ว ก็กลับไปสู่วิหาร

ครั้นพอรุ่งเช้าพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเสด็จไปสู่พระวิหาร ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามว่า "เหตุใดปากของพระมหาเถระจึงหอมนักหนาท่านได้สร้างกุศลใดมา"สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า "เพราะบุพพชาติปางก่อน ภิกษุรูปนี้ได้ฟังพระสัทธรรมไพเราะจับใจ เต็มตื้นด้วยปีติยินดี จึงออกวาจาว่า "สาธุ" เท่านั้น อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมให้ผลจึงได้มีกลิ่นปากหอมดังนี้"

ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ฟังธรรม และผู้รับศีลออกจะละเลยคำว่า "สาธุ" ต่างพากันนั่งเฉย ๆ ทั่วไป หน้าที่ผู้เป็นชาวพุทธ และครูบาอาจารย์จะได้แนะนำความเป็นมาเรื่อง "สาธุ" ไปเล่าสู่ลูกศิษย์และบุตรหลานของตนเพื่อนำวัฒนธรรมอังดีงามดั้งเดิมของเรากลับคืนมา

คำว่า "สาธุ" ในภาษาไทยก็แปลว่า ดีแล้ว เห็นชอบแล้ว เท่ากับเป็นการทำบุญข้อหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ มีอยู่ข้อหนึ่งในจำนวน ๑๐ ข้อคือ ปัตตานุโมทนามัย แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ดังนี้

วันหนึ่ง ๆ ได้คิดดี ได้พูดดี ได้ทำดี "สาธุ" ให้ตัวเองและให้คนอื่นได้สาธุในการคิด การพูด การกระทำ ของเราเท่ากับได้ทำชีวิตนี้ให้มีกำไรมหาศาล จะได้ชื่อว่า ได้อยู่ในโลกใบนี้มีแต่ความหอม

2007/11/11

คาถาชินบัญชร

ในการสวด คาถาชินบัญชร เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งๆ ขึ้น ก่อนจะเจริญภาวนาจึงขอให้ตั้งนะโม 3 จบ และน้อมจิตระลึกถึงคุณพระคุณสมเด็จโต ด้วยคำบูชาดังนี้
ปุตตะกาโมละเภปุตตัง อัตถิกาเยกายะ ญายะ อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต ธะนะกาโมละเภธะนังเทวานังปิยะตังสุตตะวาท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะ


ชะยา สะนา กะตา พุทธาจะตุ สัจจา สะภัง ระสัง
เชตะวา มารัง สะวา หะนังเย ปิวิงสุ นะรา สะภา


ตัณหังกะราทะโย พุทธาสัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
อัฏฐะวีสะติ นา ยะกามัตถะเก เต มุนิส สะรา


สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง
พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเนอุเร สัพพะคุณา กะโร


หะทะเย เม อะนุรุทโธโกณฑัญโญ ปิฏฐิภา คัสสะมิง
สารีปุตโต จะ ทักขิเณโมคคัลลาโน จะวา มะเก


ทักขิเณ สะวะเน มัยหังกัสสะโป จะมะหา นาโม
อาสุง อานันทะราหุโลอุภาสุง วามะโส ตะเก


เกสะโต ปิฏฐิภา คัสสะมิงนิสินโน สิริสัม ปันโน
สุริโย วะ ปะภัง กะโรโสภีโต มุนิปุง คะโว


กุมาระกัสสะโป เถโรโส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
มะเหสี จิตตะวา ทะโกปะติฏฐาสิ คุณา กะโร


ปุณโณ อังคุลิมาโร จะเถรา ปัญจะอิเม ชาตา
อุปาลี นันทะสี วะลี นะลาเต ติละกา มะมะ


เสสา สีติ มะหาเถราเอเตสีติ มะหาเถราชะลันตา สีละเต เชนะ
วิชิตา ชินะสา วะกาชิตะวันโต ชิโน ระสาอังคะมังเค สุสัณ ฐิตา


ระตะนัง ปุระโต อาสิธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ
ทักขิเณ เมตตะสุต ตะกังวาเม อังคุลิมา ละกัง


ขันธะโม ระปะริตัญ จะอากาเส ฉะทะนัง อาสิ
อาฏานาฏิยะสุต ตะกังเสสา ปาการะ สัณฐิตา


ชินานา วะระสังยุตตาวาตะปิตตาทิสัญ ชาตา
สัตตัปปาการะลัง กะตาพาหิรัช ฌัตตุปัท ทะวา


อะเสสา วินะยัง ยันตุวะสะโต เม สะกิจเจ นะ
อะนันตะ ชินะเต ชะสาสะทา สัมพุทธะปัญชะเร


ชินะ ปัญชะระ มัชฌัมหิสะทา ปาเลนตุมัง สัพเพ
วิหะรันตัง มะหิี ตะเลเต มะหาปุริสา สะภา


อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโขธัมมานุภาเวนะ ชิตา ริสังโฆสัทธัมมานุภาวะ ปาลิโต
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะ ราโยจะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ ฯ

2007/10/29

พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนโลกเรามีพระอาทิตย์ 1 ดวง กับพระจันทร์อีก 2 ดวง พระอาทิตย์มีนามว่า อพอลโล พระจันทร์ผู้ชายมีนามว่า อาร์เทมิส ส่วนพระจันทร์ผู้หญิงมีนามว่า ลูน่าร์ อาร์เทมิสกับลูน่าร์เขาเป็นแฟนกัน อาร์เทมิสรักลูน่าร์มาก ไม่มีคืนไหนที่ลูนาร์จะอยู่คนเดียว จะมีอาร์เทมิสอยู่เคียงข้างตลอด จนมาวันหนึ่ง ลูน่าร์เกิดไปพบกับอพอลโลเข้า ด้วยความที่อพอลโลยอมสละตัวเองเพื่อส่องแสงให้ทุกสรรพสิ่งบนโลก ได้มีแสงสว่างใช้ในเวลากลางวัน ด้วยความสันโดษจึงไม่คิดที่จะมีความรัก ลูน่าร์หลงในตัวของอพอลโลเพราะอพอลโลให้แสงมากกว่าอาร์เทมิส จึงหนีไปอยู่กับอพอลโล พอตกยามค่ำคืน อาร์เทมิสก็ออกตามหาลูน่าร์ อาร์เทมิสกระวนกระวายใจมาก เพราะไม่เคยต้องห่างกับลูน่าร์ เวลาใกล้รุ่งอาร์เทมิสตามหาลูน่าร์ยังไงก็หาไม่เจอ อาร์เทมิสจึงระเบิดตัวเองเป็นเกร็ดเล็กๆกระจายไปทั่วท้องฟ้าเพื่อออกตามหาลูน่าร์ ผลสุดท้ายอาร์เทมิสก็หาลูน่าร์ไม่เจอ รุ่งเช้า ลูน่าร์เกิดคิดถึงอาร์เทมิส เพราะอพอลโลไม่ได้รักตน ด้วยความเสียใจลูน่าร์จึงรอเวลายามค่ำคืนเพื่อจะกลับไปหาอาร์เทมิส ตกเวลากลางคืนลูน่าร์ก็ออกตามหาอาร์เทมิส ลูน่าร์ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ แต่กลับพบสิ่งแปลกประหลาดบนท้องฟ้า นั่นก็คือเกร็ดดวงดาวแค่บางส่วนก็ไม่ได้เอะใจอะไร ลูน่าร์จึงประกาศลั่นท้องฟ้าว่า จะรออาร์เทมิสกลับมาหาตนทุกคืน เพราะเหตุนี้จึงเป็นต้นกำเนิดว่า คืนไหนที่เห็นพระจันทร์จะแทบไม่เห็นดวงดาว ส่วนคืนไหนที่ไม่มีพระจันทร์ก็จะเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า เพราะทั้งคู่ยังออกตามหากันทุกคืนโดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองก็ยังอยู่เคียงข้างกันทุกคืน ...

2007/10/28

Miss Potter - The logical Song

เพลงประกอบหนังเรื่อง Miss Potter

ฉันรักเธอ

ฉันรักเธอ

พม่า เรียกว่า จิต พา เด (chit pa de)
เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน (Bon sro Iahn oon)
เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม (Toi yue em)
มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู (Saya cintamu)
อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)
ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)
ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ (Kimi o ai X eru)
เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ (No-rui sarang hae)
เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์ (Ich Liebe Dich)
ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม (Je taime)
ฮอลแลนด์ (ดัชต์) เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)
สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)
อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)
สเปน เรียกว่า เตอ เควียโร (Te quiero)
รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)
โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท (Amo-te)
จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่ (Wo ai ni)
จีนแต้จิ๊ว เรียกว่า อั๊ว เซี๊ยะ หลื่อ (Auo Seaa Laue)
จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี (Ngai oi ngi)
ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว นาย ลู่ (Auo ai Lu)
ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม (Seni Seviyorum )

2007/10/25

~บทความดีดี ที่แทงใจ~

ฉันเดินชนคนแปลกหน้า ฉันเอ่ยขอโทษไม่ตั้งใจ
เขากลับตอบ "ขออภัย ผมเองไม่ทันเห็นคุณ" เราต่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัยแสดงน้ำใจ แม้ไม่รู้จักกัน
แต่ที่บ้านเย็นวันนั้น ฉันทำอาหารอยู่ในครัว ลูกสาวตัวน้อยแอบมายืนข้างหลัง ไม่ทันระวังฉันหันกลับมาชนเธอล้มลง "อย่ามายืนเกะกะ" ฉันดุใส่ ลูกสาวเดินจากไป หัวใจเธอปวดร้าว
คืนนั้นฉันได้ยินเสียงกระซิบจากเบื้องลึกของหัวใจ กับคนแปลกหน้าเจ้าสุภาพได้กับลูกรักชิดใกล้ ทำไมทำได้ลงคอ ดูที่พื้นครัวสิดอกไม้หลากสีที่ลูกอุตส่าห์เก็บมาหวังให้เจ้าแปลกใจตกเกลื่อนอยู่ทั่วไป น้ำตาเธอใหล เหตุใดไม่แลเห็น"
ฉันเพิ่งรู้ตัว เลยค่อยๆ ย่องเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างเตียงลูก "
ตื่นเถิดคนดีดอกไม้นี่ลูกเก็บมาให้แม่หรือ"
ลูกตอบ " ใช่ค่ะ หนูเห็นดอกไม้บาน สวยงามเหมือนคุณแม่ รู้ว่าคุณแม่ต้องชอบโดยเฉพาะดอกสีน้ำเงิน"
ฉันตื้นตันใจนัก " ลูกรัก แม่ขอโทษจริงๆ ที่เอ็ดหนู"
"แม่จ๋า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูรักแม่ "
"แม่ก็รักลูก แม่ชอบดอกไม้ของหนูมาก โดยเฉพาะสีน้ำเงินจ้ะ"
หากเราตายจากไปในวันพรุ่งนี้ อีกไม่กี่วันนายจ้างก็หาคนใหม่มาทำแทนได้แต่ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังอาจโศกเศร้าไปชั่วชีวิต ลองคิดดูว่าคุ้มไหมหากเราจะทุ่มเทตัวเองให้กับงานมากกว่าครอบครัว
รู้ไหมคำว่าFAMILY ย่อมาจาก
FATHER
AND
MOTHER
I
LOVE
YOU.
ให้เวลากับพ่อ-แม่ของคุณมากขึ้นยามท่านแก่ตัวลง
รู้จักแบ่งเวลาให้กับงานและคนที่บ้านให้สมดุลกัน
หากมีใครมาบอกให้จัดความสำคัญเสียใหม่
จงย้อนถามกลับไปว่าครอบครัวสำคัญน้อยกว่าหรือไร?

posted by champoon, at 2005-Nov-14 23:28:5214

Ciara Feat Petey Pablo - Goodies

Beyonce - Listen

2007/10/24

some of design















2007/10/23

2007/10/22




2007/10/12

beautiful girl

เครื่องมือโปรโมทเว็บ/บล็อก SEO
เครื่องมือโปรโมทเว็บ/บล็อก SEO1. http://www.google.com/พิมคำลงไปจะรู้ได้ว่าคำนี้นิยมค้นหาขนาดไหนครับ2. สำรวจ KEYWORD 100 อันดับที่จ่ายแพงครับhttp://www.downloadzite.com/keyword/index.htm
รับออกแบบ รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบรับออกแบบ
รับออกแบบ

2007/07/29

การโหลดแปรงในโปรแกรม Illustrator

การโหลดแปรงในโปรแกรม Illustrator สามารถทำได้ในโปรแกรม Illustrator ทำได้ทั้งรุ่น versions 8, 9 และ Illustrator CS. สิ่งแรกให้เปิดเอกสารขึ้นใหม่ new document แล้วเมนูWindow เลือกเมนู 'Brush Libraries'

2007/06/13

• Getting traffic to your site

อย่าหลบเลี่ยง ถ้าต้องการให้เวปของท่านประสบความสำเร็จ คุณต้องทำการประชาสัมพันธ์ทางการตลาด อ่านรายละเอียอเพิ่มเติมได้ที่ search engine optimization และในที่สุดคุณก็สามารถที่จะทำให้นักท่องเว็ปทั้งหลายได้รู้จักกับเวปของท่าน!

Why your kids expect to be rich

Turns out most kids think they'll soon earn six-figure incomes. Here's why their expectations are so removed from reality and how you can help your offspring avoid the fallout.
advertisement
dap("&PG=INVID1&AP=1089",300,250);
Article Tools
E-mail to a friend
Tools Index
Print-friendly version
Site Map
Discuss in a Message Board
Article IndexBy Liz Pulliam Weston
Plenty of adults are delusional about money, so it shouldn't come as too much of a shock that teenagers can be unrealistic when it comes to their future finances.
Still, the extent to which teens misjudge their prospective earning power says something interesting -- about them and about the rest of us.
I refer to tidbits from the "Teens and Money" survey Charles Schwab released earlier this year. This poll of 1,000 Americans aged 13 to 18 from a variety of socio-economic backgrounds found that 73% believed they would earn "plenty of money" when they were adults.
In fact, the teenage boys expected to make an average $174,000 annually. Teenage girls expected to earn $114,200.
The reality check:
Median earnings of men who worked full time, year round in 2005, the latest year for which Census Bureau statistics are available, was $41,386.
Women working full time made a median $31,858.
Fewer than 5% of the U.S. population makes more than $100,000, according to the bureau. Only one household out of six report a six-figure income, according to the Federal Reserve's 2004 Survey of Consumer Finances.
Great expectationsYou might expect teens to overestimate their potential earning power if they were planning to become professional athletes, actors or hip-hop recording artists.
But sports and entertainment ranked only in the middle of the 20 career options chosen by the surveyed teens. Far more popular were medicine (including jobs as doctors, nurses and medical technicians), technology (including jobs in programming, network operations and computer repair) and teaching, the three career fields that most interested the kids polled.
Yes, teaching. Now you begin to see how truly out of whack these kids' earnings estimates are.
So what, you might say. Let the kids have their fantasies. They'll find out the truth soon enough.
But that's the problem. These adolescents will soon be making decisions about money that will affect their lives for years, even decades, to come. Those who misjudge their earning power could:
Take on crippling student-loan debt. I hear from too many young graduates with six-figure student loans and salaries under $50,000. These debts cut into their ability to save for retirement, buy a home or meet other financial goals. And you typically can't shake off student-loan debt in bankruptcy court or anywhere else; this is debt that can literally follow you to the grave.
Overspend on credit cards. Eight out of 10 college students have at least one credit card, and many graduate with significant balances. It's easy to justify paying only the minimum on your cards if you think a fat paycheck is just around the corner. But that bad habit can quickly snowball into huge debts that, at best, cost the borrowers thousands of dollars in interest and at worst lead them to bankruptcy.
Overspend on everything else. People who don't understand that there are limits to their financial resources, and that tough choices must be made, are suckers for a credit industry that's happy to let them overspend on cars ("The real reason you're broke") and homes ("Who's most at risk for foreclosure?"), among other expenses.
Fail to take advantage of the time value of money. Once overcommitted, young people find it tough to come up with even the paltry amounts it would take to make them rich in their later years ("Young all but ignore 401(k)s, IRAs"). For example: Every dollar you tuck away in a Roth IRA when you're 21 could grow to nearly $30 by the time you're 65, assuming 8% average annual returns. Wait 10 years to start funding your retirement, and that same dollar grows to less than $14.
Dream all you want, but plan for realitySo clearly, there are serious potential consequences to overestimating future income, and in a minute I'll address what parents can do to help their kids avoid the worst fallout.
But to get there, we need to understand why teens assume they'll be rich -- or if not rich, at least very well off. There are several potential explanations, including:
Continued: It's the media's fault